ทีเด็ดใหม่ 3 ร้าน ที่ควรเช็คอินในช่วงนี้ จ.กรุงเทพฯ
Ah Yat Abalone
หนึ่งในร้านติ่มซำที่ถือว่าดีที่สุดใน กรุงเทพฯ อย่าง Ah Yat Abalone ได้เปิดสาขา 2 เป็นที่รู้กันว่า Ah Yat Abalone เป็นร้านอาหารจีนกวางตุ้งที่เกิดขึ้นในไทยมามากกว่า 10 ปี ปัจจุบันพวกเขาได้ก้าวไปอีกขั้น ด้วยการเปิดสาขาใหม่ ที่โรงแรมอโนมา ที่ยังคงมาตรฐานและคุณภาพเช่นเดียวกับอีก 19 สาขาทั่วเอเชีย
ที่สำคัญ ที่นี่มีเชฟจีนที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีถึง 7 คน และซีฟู้ดสดๆ ที่นำเข้าใหม่ทุกๆ สัปดาห์ คุณสิทธิชัย กรรมการผู้บริหารของอายัทได้กล่าวว่า “นอกจากจะมีทีมเชฟและครัวที่ดีแล้ว วัตถุดิบก็ดีและสดมากๆ อีกด้วย และนั่นคือสาเหตุที่ว่าทำไมเราถึงลงทุนกว่า 1 ล้านบาทไปกับอควาเรียม แทงค์ที่สามารถควบคุมทั้งอุณหภูมิและความเค็มในแต่ละตู้อย่างเหมาะสมอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจะเห็นได้ว่าเราใส่ใจเรื่องความสดของวัตถุดิบมากจริงๆ”
เมนูที่นี่มีทั้งติ่มซำและซีฟู้ดหลากหลายจานที่เป็นที่นิยมมากๆ เช่น เป๋าฮื้อน้ำแดง (9,800 บาท), หอยไม้ไผ่นึ่งซีอิ๊ว (280 บาทต่อตัว) และ ปลาลิ้นหมานึ่งซีอิ๊ว (4,500 บาทต่อกิโล) “สั่งมาได้เลย ซีฟู้ดที่คุณอยากกินจากที่ไหนก็ได้ในโลกนี้ เราจะหามาให้คุณ” คุณสิทธิชัยได้บอกกับเราแบบนี้
เมนูสาขาที่ไทย จ.กรุงเทพฯ จะคล้ายกับร้านอาหารที่ฮ่องกงมากๆเลย โดยมีวัตถุดิบเป็นไฮไลท์ของที่นี่อย่าง เป๋าฮื้อนำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น,ออสเตรเลีย, เม็กซิโกและแอฟริกา แล้วถ้าอยากลองสัมผัสเป๋าฮื้อญี่ปุ่นที่ดีที่สุดในโลก ให้ลองสั่ง เป๋าฮื้อโยชิฮามะนึ่งซีอิ๊ว (9,800 บาท), เป็ดปักกิ่ง (1,300 บาท), หมูบาร์บีคิว (350 บาท) และเนื้อเสือร้องไห้กับฟองเต้าหู้อบในหม้อดิน (580 บาท)
รายละเอียดเพิ่มเติม : www.ipick.com/bangkok/th/restaurant/30009971
Sundays
ถึงแม้ร้านคาเฟ่จะทยอยเปิดตัวมากมาย เพิ่มสีสันให้กับกรุงเทพฯ แต่คงเป็นเรื่องยากที่จะหาร้านที่ให้ความรู้สึกได้เหมือนกับคาเฟ่เปิดใหม่อย่างร้าน Sundays ด้วยตัวตน เจ้าของร้านทั้ง 4 คน คุณเจน เมขลา เมฆวัฒนา, คุณเบิ้ล ธีรยุทธ สินเจริญ, คุณจ๋า ชลดี แจ่มปฐม และคุณโอ๊ค ณัฏฐชนัน คมกฤช ที่ต่างก็เติบโตในวงการงานศิลปะ มีความตั้งใจะร่วมกันเปิดคาเฟ่น่ารักๆ ชื่อ Sundays ด้วยคอนเซ็ปต์ที่อยากมอบความสุข ด้วยการพักผ่อน ในบรรยากาศร้านที่สุดน่ารัก เพลงย้อนยุคปี 60 ทั้งไทยและสากลตามความชอบของทีม และมีบริการที่อบอุ่นเป็นกันเอง ให้หอบเอาความประทับใจกลับบ้านกันไปได้แบบไม่ต้องเกรงใจ
นอกจากภายในร้านจะมีต้นไม้ใหญ่คอยให้ร่มเงา และความเย็นสบายให้แก่ห้องเรือนกระจก ตรงกลางร้านแล้ว ยังแฝงความเป็นตัวตนของแต่ละคน ด้วยของประดับร้านจากงานศิลปะ ของสะสมและภาพเพ้นต์ผนังจากฝีแปรงของคุณเบิ้ลและคุณเจนได้อย่างงดงามลงตัว
หลังได้ที่นั่งมุมเก๋ๆแล้ว ก็เตรียมมองหาจานที่น่าลองกันได้ ใครที่ท้องว่างมาทาง Sundays มีอาหารทานง่ายๆ สไตล์โฮมเมด เสิร์ฟด้วย อาทิเช่น แองเจิ้ลแฮร์น้ำพริกนรกมันกุ้งไข่กุ้ง (220 บาท), ข้าวไข่เจียวปูกุ้ง รยพริกขี้หนูซอยทอด(120 บาท)และข้าวผัดกะเพราหมูเด้ง (110 บาท) รับรองต้องถูกปากคนชอบรสจัดจ้านกันอย่างแน่นอน
ส่วนของหวาน อย่าพลาดจานนี้ที่ใครมาเป็นต้องลอง มาพร้อมวิปครีมตีสดเนื้อฟู เนียนนุ่ม อย่าง Banana Pancakes (160 บาท) มาพร้อมกับผงชินนามอนเพิ่มความหอมหวาน หรือสั่งเป็น Sundays Waffles (190 บาท) จานนี้มาพร้อมกับวิปครีมและผลไม้สด กินแล้วต้องบอกว่า บินได้เลยทีเดียว
สุดท้าย อย่าลืมสั่งดริ๊งก์เย็นๆ อย่างเชอร์รี่บอมบ์ ที่เป็นโค้กผสมกับไซรัปกลิ่นเชอร์รี่ แล้วมีท็อปไอศกรีมวานิลลาและครีมสด, Pink Lemonade น้ำเลมอนสีชมพูรสออกเปรี้ยว และอีกแก้วอย่าง Vanilla & Mint Soda เป็นโซดาเย็นๆ ซ่าๆ รสหอมหวานที่เพิ่มความสดชื่นได้ถึงขีดสุด จ.กรุงเทพฯ
รายละเอียดเพิ่มเติม : www.ipick.com/bangkok/th/restaurant/30009948
Matcha Ten
Tenyuu เครือข่ายอาหารญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงของกรุงเทพฯ ได้เริ่มขยับขยายร้านอาหารภายในเครือด้วยการหยิบเอาเมนูขนมหวานเข้ามาต่อยอดอย่างจริงจัง ด้วยการเปิดตัวบ้านขนมหวานชื่อว่า Matcha Ten ภายในพื้นที่เดียวกับ Tenyuu Grand บนถนนสาทรเหนือ ที่รับรองว่าต้องถูกอกถูกใจเหล่าคนรักขนมหวานทุกวัยอย่างแน่นอน
บ้านขนมเล็กๆหลังนี้ มาพร้อมกับบรรยากาศที่น่าเข้าไปพักผ่อน ด้วยโทนสีอ่อนจากผนังสีขาว และเฟอร์นิเจอร์ไม้สีอ่อน เพิ่มความโปร่งโล่งสบาย ในตัวร้านมีครัวแบบเปิดขนาดใหญ่ที่ประดับด้วยต้นกระบองเพชร สวนขวดและของกระจุกกระจิกเป็นรูปนกฮูกน่ารักไว้ตามมุมต่าง ๆ
นอกจากขนมหวานจานที่แฟนๆ ร้าน Tenyuu คุ้นเคยกันดีอย่าง Sho Bao ไอศกรีมแซนด์วิชแป้งซาลาเปาทอดสอดไส้ไอศกรีมที่สามารถเลือกได้ระหว่าง รสชาเขียวและวานิลลาแล้ว มีอีกจานที่ใครมาเป็นต้องสั่งแน่นอนอย่าง น้ำแข็งไสญี่ปุ่น ที่ทางร้านตั้งใจพัฒนาเทคนิคการทำมากกว่า 2 เดือนเต็มจนได้เนื้อสัมผัสของน้ำแข็งไสที่คล้ายปุยเมฆไม่ต่างกับต้นตำรับกันเลยทีเดียว ซึ่งที่นี่ไม่ได้มีแค่รสชาติประจำ แต่ยังมาพร้อมกับท็อปปิ้งที่หลากหลาย จะเปลี่ยนไปตามฤดูกาลให้ลูกค้าได้ลองกัน
Sakura Kakigori เป็นจานที่ทางร้านได้ใช้ดอกซากุระนำเข้าจากญี่ปุ่นมาทำครีมเนื้อเนียนที่ไว้ราดด้านบนและเยลลี่ดอกซากุระ ที่รสชาติคล้ายบ๊วยแต่ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ส่วนใครที่ไม่ทันฤดูดอกซากุระนี้ ทางร้านแนะนำให้ลองไปสอบถามเมนูน้ำแข็งไสสูตรพิเศษ หรือสั่ง Matcha Kakigori มาลอง เป็นเมนูที่ทางร้านใช้ใบชาออร์แกนิกเป็นส่วนผสม แถมยังได้รสชาติที่ไม่หวานจนเกินไปด้วย
ส่วนจานที่หลายๆ คนติดอกติดใจจนต้องกลับไปทานซ้ำแล้วซ้ำอีก คือ Pancake Souffle ที่เสิร์ฟแพนเค้กเนื้อซูเฟล เนื้อสัมผัสนุ่มเนียนคล้ายกับคัสตาร์ด เข้ากันได้ดีสุดๆ กับไอศกรีมรสเปรี้ยวอย่างยูซุ หรือจะเปลี่ยนไอศกรีมเป็นรสอื่นก็ได้อร่อยไปอีกหลายๆแบบ
ใครแวะมาทานคนเดียว ทางร้านสามารถจัดขนมไซส์เล็กได้ อย่าง Chia Seed Panna Cotta เป็นแพนนาคอตต้าชาเขียว มีท้อปด้วยเมล็ดเจีย กราโนล่าและผลไม้แห้งมาให้ลองกัน หรือจะสั่งเป็น Fudge Lava ที่รองด้วยบราวนี่ทรงลูกเต๋า มีท็อปไอศกรีมวานิลลาจากเกาะมาดากัสก้า และช็อกโกแลตซอสอุ่น ๆ ให้ราดแบบเยิ้มๆ ก่อนทานด้วยนะ มาทานกันได้ที่ จ.กรุงเทพฯ
รายละเอียดเพิ่มเติม : www.ipick.com/bangkok/th/restaurant/30009238
หาของกินน่าอร่อยมาเช็คอินได้อีกมากที่ http://travel.sanook.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น